Gravity (2013)
I convinced my girlfriend to watch Gravity. I had to apologize.
เกริ่น
ได้เห็นโฆษณาของหนังเรื่องนี้ ผ่านทางรถไฟฟ้าใต้ดิน บอกเลยว่าน่าดูมาก ในตัวอย่างเผยให้เห็นแค่ฉากนักบินอวกาศกำลังลอยเคว้งคว้างอยู่กลางอวกาศ ซึ่งเกิดจากอะไรก็ไม่รู้ ชวนติดตามสุดๆ ภาพก็สมจริงมาก คิดไว้ในใจว่า ยังไงเรื่องนี้ต้องไปดูในโรงให้ได้ ไม่รอแผ่นแล้ว (หลังจากที่พลาดมาหลายเรื่อง จะไปดูอีกทีหนังก็ออกจากโรงแล้ว) เรื่องนี้ไม่พลาดครับ รีบโทรชวนแฟนไปดู พร้อมทั้งบรรยายสรรพคุณต่างๆนาๆว่า สนุกแน่นอนครับ ดูคะแนนจากเวป IMDB กับมะเขือเน่าดิ 80-90% อัพ เธอไม่ผิดหวังแน่นอน ซึ่งก่อนหน้านี้ผมเคยชวนคุณเธอไปดูเรื่อง Sky Line -โปรดอย่ามองขึ้นฟ้า พร้อมทั้งบรรยายสรรพคุณแบบนี้แหละ ปรากฎว่าเงิบครับ สูญเสียความมั่นใจไปพอสมควร เรื่องนี้ไม่พลาดแน่ คะแนนสูงซะขนาดนั้น พอไปถึงโรงหนัง ก็ลังเลใจว่าจะดู พากย์ไทยหรือซาวแทรกดี สุดท้ายก็ตัดสินใจดูพากย์ไทย เพราะอยากดู 3D ซึ่งมีแต่พากย์ไทย เวลาหนังฉายประมาณ 3 ทุ่มได้ นั่งรอหน้าโรงจนได้เข้า ปรากฎว่าเป็นคู่แรกที่เข้าโรง กะว่าจะเข้าไปนั่งดูหนังตัวอย่างซะหน่อย ปรากฎว่า ตัวอย่างหนัง ไม่เชื่อต้องลบหลู่ฉายพอดี โอยยย หันหลังกลับ จูงมือแฟนออกมานอกโรงทันทีเลยครับ ฮ่าๆ รอคนอื่นเข้ามาก่อนดีกว่า เหอๆ รอไปรอมา สรุปรอบนั้นมีคนมาดูทั้งหมด 6 คน -..- เกริ่นมาเยอะ เข้าเรื่องสักที
!!!!! Spoil Alert !!!!!
สิ่งที่ชอบ
ช่วงสิบห้านาทีแรกของหนัง เป็นอะไรที่ตระการตาจริงๆ ยอมรับเลยว่าเป็นหนังทำฉากลอยในอวกาศได้สมจริงที่สุด ทึ่งไปเลยครับ ภาพสวยงามมาก ไม่มีข้อกังขาเลย กับความสวย สเปเชี่ยลเอฟเฟค ของหนัง ไม่ว่าฉากไหนๆ ดูแล้วเหมือนลอยอยู่ในอวกาศด้วยเลย ขอชมเชย
สิ่งที่ไม่ชอบ
นอกจากเรื่องภาพสวยแล้ว ความสนุก ความตื่นเต้นและอารมณ์ร่วมต่างๆที่ใครหลายๆคนชมจากหนังเรื่องนี้ ผมแทบไม่ได้รู้สึกมีอารมณ์ร่วมสักเท่าไหรเลย จะมีบ้างก็แค่ช่วยลุ้นในบางฉาก และคาดหวังว่าเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดในหนังจะมีอะไรมาทำให้เราอึ้ง ทึ้ง เสียว บ้างรึปล่าว รออยู่นะๆ ๆ รอจนจบเรื่อง สุดท้ายก็ไม่มี เรียบสุดๆ
ขอแตกประเด็น สิ่งที่ไม่ชอบในหนัง ดังนี้
- Plot เรื่อง ตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรพลิกแพลงเลย บางคนเอาไปเปรียบเทียบกับหนังเรื่อง 127 Hours ซึ่งก็ตรงไปตรงมาเหมือนกัน แต่ความรู้สึก ความซึ้ง การลุ้นตามตัวละคร ผมว่าหนังเรื่อง 127 Hours ทำได้ดีกว่าเยอะ บางฉากใน Gravity ผมยังแอบขำด้วยซ้ำไป เช่น ฉาก ไรอันได้ยินเสียงวิทยุ จากโลก มีเสียงเด็กร้องไห้และเสียงหมาเห่า ด้วยความที่ไรอันหมดอะไรตายอยาก คิดถึงโลก ก็พูดคนเดียวว่า เห่าอีกสิ เห่าอีก อย่างนั้นแหละๆ แล้วตามด้วยเสียงเลียนแบบหมาหอน อะอู้ๆ มันตลกมากกว่าซึ้งซะอีก เป็นฉากที่ fail ที่สุดในเรื่องนี้เลย และอีกหลายๆฉากที่ไม่ได้ใส่ความเป็นวิทยาศาตร์ ให้คนดูได้ซึมซับได้คิดตามอะไรเท่าไหรเลย ย้ายไปยานรัฐเซีย ยานจีน ก็กดปุ่ม มั่วๆ พูดกับตัวเอง แล้วก็ได้ซะงั้น พลอตมันง่ายเกินไป ง่ายเกินคาด แอบลุ้นให้มีอะไรสักอย่างตอนท้ายก็ยังดี เหมือนเรื่อง Moon หรือ Prometheus ก็ได้ แต่ก็ไม่มี และอีกประเด็นนึงคือหนังพยายามนำเสนอดราม่าเยอะไปหน่อย แต่ใส่ความเป็น sci-fi และ thriller นิดเดียว ไอ้เราก็นึกว่าจะมีเอเลี่ยนหรืออะไรเหนือความคาดหมายโผล่มาหรือเปล่า สรุปหนังแค่จะสื่อเรื่อง ขยะในอวกาศ จิตใจคนที่หมดอะไรตายอยากแล้วกลับมาได้อีกครั้ง และโชว์ภาพสวยๆการถ่ายทำกลางอวกาศที่เหมือนจริง
- ตัวละคร ไรอัน (รับบทโดยซานดร้าบลูลอค) นักบินอวกาศมือใหม่ แสดงยังไม่เนียน ไม่ถึงน้ำถึงเนื้อเท่าไหร อาจเป็นเพราะบทที่ไม่ดีด้วยก็ได้ ได้ยินแต่เสียง Ah Ah Ah ทั้งเรื่อง
- ตัวละคร แมต (รับบทโดยจอจ คลูนี่) นักบินอวกาศมือเก๋า พูดทั้งเรื่อง ยิ่งตอนต้นเรื่อง ไม่รู้พูดอะไร บินเล่นไปมารอบยาน แล้วเป็นไงล่ะ ตอนจำเป็นจะใช้ไอพ่น ดันไม่มีใช้ หล่อตลอดเรื่อง เป็น Mr. know-it-all พูดตลอดเรื่อง แล้วเอาเรื่องที่พูดมาลิ้งกับเนื้อเรื่องไม่มีเลย เทียบกับ dialogue ของตา Quentin Tarantino ไม่ได้เลย คือจะเอามาเทียบกันซะทีเดียวก็คงไม่ยุติธรรม เพราะของตา Quentin จะออกแนวตลกร้าย เสียดสีๆ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่ แต่เรื่องที่ตัวละครตัวนี้พูดก็น่าจะเชื่อมโยงกับเนื้อเรื่องหลักของเรื่องบ้าง มี clue หรืออะไรให้สงสัยบ้าง ที่จับใจความได้ก็มีแค่ว่า แมตจะทำลายสถิติเป็นคนที่อยู่บนอวกาศนานที่สุด ปลงสุดแล้ว
- Dialogue ไม่เนียน ตามที่ว่ามาข้างบน
คำคมที่ได้จากเรื่อง
Matt Kowalski: You have to learn to let go.
คนเราต้องรู้จักเรียนรู้ที่จะปล่อยวาง
สรุป
ภาพสวย ทึ่งกับการถ่ายทำ เหมือนจริงมาก เหมือนลอยอยู่กลางอวกาศจริงๆ นอกนั้นน่าเบื่อ ทั้งเนื้อเรื่อง plot บทพูดและ character สำหรับผม เสียดายตังครับ ถ้าใครที่คาดหวังจะได้เนื้อเรื่องมันๆ ลุ้นตัวโก่ง ไม่แนะนำให้ไปดูที่โรงครับ เพราะเนื้อเรื่องมันเรียบจริงๆ นอกจากจะอยากดูฉากอวกาศสวยๆแค่นั้น สำหรับผมให้แค่ 5/10 (ได้ภาพสวยช่วยไว้)
ปล. เรื่องนี้ตอนผมดู มีคนดูในโรงทั้งหมด 6 คน ผ่านไป 1 ชม. คู่ข้างหน้าเดินออกจากโรงไปพร้อมทำหน้าเซ็งๆ แต่สำหรับผม ถึงหนังจะไม่ดีขนาดไหน (เรื่องนี้ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น) ผมก็จะไม่พยายามเลิกดูหนังที่ผมเลือกที่จะดูแล้ว ทั้งในโรงหนัง ดูอยู่บ้าน ดูในคอม ถึงแม้ว่ามันจะน่าเบื่อสักแค่ไหนก็ตาม ผมก็จะพยายามดูให้จบ เพราะถือว่าเราเลือกแล้ว เรากรองหนังที่จะเสียเวลาดูแล้ว อย่างน้อยก็ดูให้จบจะได้รู้จนวินาทีสุดท้ายเลยว่า หนังที่เราเลือกแล้ว สุดท้ายมันดีหรือไม่ดียังไง (ยกเว้นหนังที่ไม่ได้เลือกเองและหนังไทย เช่นหอแต๋วแตก แหกชิมิ และอื่นๆ)
ปล2. พากย์ไทย อาจเป็นสาเหตุนึงที่ทำให้ดูหนังเรื่องนี้ไม่สนุกก็เป็นได้