Pages

Thursday, August 1, 2013

The Odd Life of Timothy Green (2012)

The Odd Life of Timothy Green (2012)


เกริ่นๆ

ผมไม่เคยได้ยินชื่อหนังเรื่องนี้มาก่อนเลย และไม่รู้อะไรเลยว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร ที่ได้ดูเพราะว่ามีคนแนะนำให้ดู  เห็นแค่ชื่อเรื่อง เดาว่าคงจะคล้ายๆกับหนังเรื่อง The Curious Case of Benjamin Button เพราะชื่อมันคล้ายๆกัน (The ... of ... เหมือนกัน -..-" ) ซึ่งพอได้ดูแล้ว น้ำตาลูกผู้ชายมันจะไหลออกมาเลยครับ ทั้งน่ารัก ซึ้ง เศร้า สนุก ปนกันไปหมดเลย

เรื่องนี้เหมาะสำหรับคนที่เป็นพ่อเป็นแม่แล้ว หรือคนที่ยังไม่มีลูก และกำลังจะมีลูก หรือคนที่แค่คิดที่จะมีลูก เพราะว่า เรื่องนี้สอนอะไรหลายๆอย่างให้กับ คนเป็นพ่อแม่ ได้อย่างดีเลย

หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสามีภรรยาคู่หนึ่ง ที่รักกันมาก พวกเขาอยากมีลูกเพื่อมาเติมเต็มชีวิตคู่ แต่หมอบอกทั้งคู่ว่า ให้ถอดใจซะ ความเป็นไปได้ที่พวกคุณจะมีลูกน้อยมากถึงไม่มีเลย พวกเขาสิ้นหวัง ความพยายามทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่าย เวลาที่เสียไป ความหวังที่มีอยู่ หายไปหมดเลย แต่ชีวิตต้องเดินต่อไป คืนนั้นเอง Jim Green ผู้เป็นสามี ขออำลาอาลัยเป็นครั้งสุดท้ายกับ Cindy Green ผู้เป็นภรรยา (ไม่ได้ทำอย่างว่านะ) ด้วยการจิบไวน์พอให้กรึ่มๆ จินตนาการถึงลักษณะนิสัยของลูกตัวเองในอนาคต  เขียนสิ่งเหล่านั้นลงในกระดาษแล้วเก็บไว้ในกล่อง จากนั้นเอาไปฝังไว้สวนหลังบ้าน หวังว่าสักวันนึง ถ้าพวกเขามีลูก ลูกจะเกิดมามีลักษณะเหมือนกับที่เขาเขียนไว้... และแล้วสิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น เมื่อคู่สามีภรรยา พบ เด็กน้อยหน้ามล ชื่อ ทิมโมธี ในบ้าน เนื้อตัวเปื้อนดินมอมแมม ถามไปถามมา ว่าลูกเต้าเหล่าใคร เด็กน้อยหน้ามลตอบว่า ผมเกิดจากสวนหลังบ้านงับ ฮัชช่า ปาฏิหารย์ได้เกิดขึ้นแล้ว :)






##### Spoiled Alert #####

My Review

การเล่าเรื่องของหนังเป็นการเล่าจากปัจจุบันไปอดีต (told in flashback) คล้ายๆเรื่อง Life of Pi ซึ่งทำให้หนังน่าติดตามมากขึ้น เพราะเรื่องราวจะค่อยๆ เผยไปเรื่อยๆ จนมาบรรจบกับปัจจุบัน และตบท้ายด้วยฉากจบในแบบฉบับที่ไม่ธรรมดา 

หนังเปิดตัวด้วยฉาก คู่สามีภรรยา ที่ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม พวกเขาไปสัมภาษณ์เพื่อขอรับเด็กมาเป็นบุตรบุญธรรม เจ้าหน้าที่สังเกตเห็นว่า พวกเขาไม่ได้ตอบคำถามในแบบฟอร์มที่ว่าทำไมคุณถึงสมควรที่จะได้รับเด็กไปเลี้ยง และคุณมีประสบการณ์อะไรบ้าง เมื่อเจ้าหน้าที่ถาม พวกเขาตอบว่า เรื่องมันยาวมากเกินกว่าที่จะเขียน พวกเขาอยากจะใช้เวลานี้ในการเล่าประสบการณ์ที่จะทำให้พวกเขามีคุณสมบัติในการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องเล่าอันมหัศจรรย์ของพวกเขา

ฉากที่เล่าเท้าความว่า ทำไมถึงมีลูกไม่ได้ เสียงเพลงประกอบ กับ ความรู้สึก ณ ตอนนั้น มันใช่เลยครับ ดูเศร้ามากๆ ลองฟังดูครับ track ที่ 1 "You're Gonna Find It Hard to Believe"  และ track ที่ 2 "Life Goes On"


และเมื่อจิมและซินดี้ พบ เด็กชายทิมโมธี ที่เกิดจากกล่องอฐิษฐานของพวกเขาที่ฝังไว้สวนหลังบ้าน เขาก็กลายเป็น พ่อแม่ลูกไปโดยปริยาย  ซึ่งเป็นสิ่งที่วิเศษที่สุดสำหรับพวกเขา ทิมโมนี มีใบไม้ติดอยู่ที่ขา เอาออกไม่ได้ หนังจะค่อยๆเล่าเรื่อง เผยความเป็นตัวตนของทิมโมธี ว่าลักษณะนิสัยของเขานั้น เป็นเหมือนกับที่พ่อแม่เขียนไว้เปี๊ยบ เช่น
  • Never Give Up ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ
  • Good heart มีจิตใจที่ดีงามเหมือน ซินดี้
  • Funny like Uncle Bub มีอารมณ์ขัน เหมือน ลุงบั๊บ 
  • Honest to a fault ซื่อตรง ไม่โกหก
  • Rock มันส์กับเสียงดนตรี
  • Artistically, Picas-so with a pencil มีความเป็นศิลปิน วาดภาพด้วยดินสอเก่ง
  • Love and be loved รักและเป็นที่รัก
  • Got to score a winning goal ลูกของพวกเราจะต้องยิงประตูชัย
แต่ละฉากที่ทิมโมธีเผยตัวตนความเป็นเขา คือจุดเด่นและจุดสนุกของเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นฉากแนะนำตัวเอง ฉากปิ้งสาว ฉากคุยกับคุณลุงบั๊บ ฉากวาดรูปให้เจ้านายของแม่ ฉากแข่งฟุตบอล หรือฉากที่ประชุมโรงงานดินสอที่พ่อทิมโมธีทำงานที่กำลังจะปิดลง ทุกๆฉาก ดูสนุก มีเสน่ห์ น่าติดตาม ไม่น่าเบื่อ และมีหลายอารมณ์คลุกเคล้ากัน เช่น กระชากใจคนดู  ตลก น่ารัก เศร้า และ ซึ้ง ยอมรับเลยว่า เรื่องนี้ทำผมน้ำตาคลอเบ้า

ประเด็นหลักๆของหนังเรื่องนี้คือ การเป็นพ่อเป็นแม่คน มันไม่ง่ายอย่างที่คิดเลย ถ้าลูกมีปมด้อยต้องสอนลูกว่ายังไง ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูกมากเกินไปจะทำให้ลูกเป็นยังไง ถ้าลูกโดนรังแกจะทำยังไง การให้ลูกเรียนรู้ด้วยตัวเอง ให้ลูกรู้จักแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง จะทำยังไงถ้าลูกมีความรัก การมาของทิมโมธี ทำให้ จิมและซินดี้ได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง หนังผสมผสานฉากต่างๆกับพลอตเรื่องได้อย่างลงตัว เช่น การที่หนังเอาประเด็นเรื่อง ความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีระหว่างพ่อของจิม กับ จิม และโรงงานผลิตดินสอที่กำลังจะปิด หรือเรื่องสาวที่ทิมโมธีหลงรัก มาผูกกับเรื่อง ทำให้น่าสนใจ และน่าติดตาม ดูแล้วไม่เบื่อเลย

แต่ขอติงจุดนึงคือ การแสดงของ ตัวละครชื่อ จิม (รับบทโดย Joel Edgerton) เขาแสดงค่อนข้างจะแข็งๆนิดนึง เช่น ฉากที่กำลังสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่ศูนย์ สีหน้า อารมณ์ ท่าทาง ดูไม่เข้ากับอารมณ์ของตัวละคร ณ ตอนนั้นเลย

ข้อคิดที่ได้จากเรื่อง

  • การที่พ่อแม่อวดเรื่องลูกตัวเองกับพ่อแม่คนอื่น ไม่ใช่เรื่องดีเลย มันจะกลายเป็นการสร้างความกดดันให้กับลูก และตัวพ่อแม่เองก็เดือดเนื้อร้อนใจไปด้วย ถ้าไม่ใช่ทิโมธี จิมกับซินดี้อาจจะต้องเจอปัญหาหลายๆอย่างตามมาแน่นอน
  • อย่างที่้ทิโมธีพูด เมื่อใบไม้ผมหมดไป ผมก็คงต้องไปด้วย มันก็เป็นอย่างนี้แหละ เวลามักจะมีขอบเขตเสมอ มันก็เหมือนกัน เด็กอื่นๆที่โตขึ้น พวกเขาก็ต้องออกไปเผชิญโลกกว้าง เขาไม่สามารถอยู่กับพ่อและแม่ได้ตลอดเวลา วัฒนธรรมอเมริกา เป็นแบบนี้จริงๆ เรื่อง Bates Motel ก็ concept แนวนี้เหมือนกัน
  • เมื่อลูกเจอกับปัญหา ต้องรู้จักให้ลูกแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองบ้าง แต่ก็อย่าละเลยจนเกินไป และไม่เข้าไปยุ่งจนเกินเหตุ เคยดูสารคดีที่ว่าสัตว์ในโลกนี้ บางอย่างพวกมันก็มีความฉลาดไม่น้อยไปกว่าคนเลย สิ่งที่ทำให้พวกมันรู้ และคิดเป็น นั่นคือ ประสบการณ์ การเรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเองนำมาซึ่งประสบการณ์

Quote โดนใจ

Never Give Up - Timothy , Jim

"It's okay to be different. A little weird, even" - Reggie

"I decided our son would not be seen as different. He'll be treated like a normal kid." -Cindy

Hello, young man.
Hello, old boy.

Anything is possible!

Jim: "Have a great day!"
Cindy: "That's too much pressure."
Jim: "Have the day you have."

สรุป

The Odd Life of Timothy Green เป็นหนังที่ พ่อแม่ทั้งหลาย ควรดู ให้ข้อคิดอะไรได้หลายๆอย่าง ถ้าคนที่ไม่อินกับชีวิตครอบครัว พ่อแม่ลูก คงดูไม่สนุก และเอียนกับบทพ่อแม่รักลูกในหลายฉาก  แต่สำหรับผมแล้ว หนังเรื่องนี้มีครบทุกรสชาติ ทั้งตลก ซึ้ง เศร้า ลุ้น ตามไปด้วย เป็นหนัง Feel Good ที่ดีเรื่องนี้ รวมถึงเพลงและดนตรีประกอบฉากที่เพราะๆทั้งนั้น แนะนำให้ดูครับ ให้ 9/10

อื่นๆ

ภาพสวยๆ จาก Official fan page : https://www.facebook.com/OddLifeMovie

เพลง และ soundtrack ทั้งหมด ที่อยู่ในหนังเรื่อง "The Odd Life of Timothy Green" เพราะๆทั้งนั้นครับ
อันนี้แบบเป็น play list รวมดนตรีทุกๆฉากไว้หมดเลยครับ >> http://goo.gl/XIV807

All soundtrack from "The Odd Life of Timothy Green".

No.TitleLength
1."You're Gonna Find It Hard to Believe"  1:22
2."Life Goes On"  3:18
3."That's Not Normal"  4:23
4."Our Kid"  1:19
5."...Now What?"  2:25
6."Is He for Us?"  1:31
7."Cherry on Top"  0:56
8."I Can Only Get Better! (A Glass Half Full Person)"  1:17
9."Love and Be Loved"  2:43
10."There's Something You Need to See"  1:46
11."Funny, Like Uncle Bob"  2:06
12."Why Not Make a New Kind of Pencil?"  2:20
13."Nice Socks"  1:09
14."Picasso with a Pencil"  1:18
15."Run the Other Way"  0:24
16."This World They Created"  1:09
17."Think "Tree""  1:45
18."The Championship Game"  1:47
19."I'm with "0""  1:42
20."The Winning Goal"  1:24
21."I Let Her Go"  1:22
22."We Better Get Inside"  2:25
23."Never Give Up"  1:44
24."So Much Is Possible"  3:28
ที่มา : http://en.wikipedia.org/wiki/The_Odd_Life_of_Timothy_Green

ส่วนเพลงที่อยู่ใน Credit ท้ายเรื่อง ชื่อเพลง "This Gift" เพราะดี

The Odd Life of Timothy Green - Glen Hansard "This Gift"