Dead Man Down (2013)
แค้นได้ตายไม่เป็น
เกริ่น
Dead Man Down เป็นหนัง drama action ที่เกี่ยวกับ การล้างแค้น ความแค้นของคนสองคน แก็งมาเฟีย และความรัก ถ้าใครชอบหนังแนวๆ The Girl with the Dragon Tattoo (2009) อารมณ์ของหนัง มืดๆ ทึมๆ เงียบๆ ไม่แอคชั่นจ๋า รับรองว่า ต้องชอบหนังเรื่องนี้แน่นอน เพราะผู้กำกับคนเดียวกัน คือ Niels Arden Oplev
เรื่องราวของหนัง เกิดขึ้นที่เมือง นิวยอร์กซี่ตี้ เมื่อหัวหน้าแก็งมาเฟีย Alphonse ถูกลูบคมจากผู้ไม่หวังดี แอบลอบเข้าบ้าน ส่งจดหมายขู่ ส่งรูปแอบถ่ายมาเป็นเวลาสามเดือน โดยล่าสุดพบศพลูกน้องตัวเองที่กำลังสืบเรื่องผู้ไม่หวังดีนี้อยู่ ถูกแช่แข็งไว้ในบ้านของ Alphonse พร้อมกับทิ้งคำปริศนาและคำขู่ไว้ Alphonse กับลูกน้องถึงกับร้อนๆหนาวๆอยู่ไม่สุข ควานหาตัวคนทำให้ควัก
ขณะเดียวกัน วิคเตอร์ รับบทโดย คอริน ฟารเรล ลูกน้องมือขวาคนสนิทของ Alphonse ได้พบกับ เบียทริซ สาวที่อาศัยอยู่ตึกตรงข้าม เธอชอบแอบมองเขาผ่านระเบียงห้องเธอตลอด ทั้งคู่มีความหลังในอดีตอันเลวร้ายทั้งคู่ เดทครั้งแรกของทั้งสองน่าจะดูไปได้ดี แต่เหตุการณ์กลับตาลปัตร เมื่อต่างฝ่ายต่างมีเจตนาแฝงทั้งคู่ เจตนาที่เกิดจากความแค้น ซึงนำไปสู่การกำจัดพวกคนที่ทำชั่วแต่ยังลอยนวลให้สิ้นซาก
จริงๆใน trailer และเรื่องย่อทั่วๆไป บอกมากกว่านี้ แต่มันเป็นการทำลายอรรธรสในการดูหนังสิ้นดี เหตุการณ์บางอย่าง แทนที่จะได้รับรู้สดๆ ตอนดูหนัง แต่กลับถูกเฉลยหรือบอกตั้งแต่อยุ่ใน trailer แล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อการตลาด และทำให้คนอยากดูหนังเรื่องนี่นั่นเอง
My Review ( มีสปอยล์นะจ้ะ )
คนนึง ลูกเมีย ถูกฆ่าตายโดยแก็งมาเฟีย การแก้แค้นถูกวางหมากไว้แล้ว (วิคเตอร์)
อีกคนนึง ถูกคนเมาขับรถชนจนทำให้ตัวเองใบหน้าอัปลักษณ์ ชีวิตเปลี่ยนไปเลย (เบียทริช)
ชีวิตของทั้งคู่ในฐานะผู้ที่ถูกกระทำ จมปลักอยู่กับความเศร้า และความเกลียดชัง ส่วนผู้กระทำยังลอยนวลอยู่
“Revenge. I've never thought about it before, but when I saw you, I knew I had my answer.”
ฉันไม่เคยคิดถึงการแก้แค้นมาก่อนเลย ตอนฉันเห็นคุณฆ่าผู้ชายคนนั้น (ลูกน้อง Alphonse ) ในห้องของคุณ ฉันก็รู้ว่า ฉันจะต้องแก้แค้น เบียทริช ต้องการล้างแค้น ผู้ชายที่ขับรถชนเธอ โดยการขู่กับวิคเตอร์ว่า ถ้าไม่ทำตามที่เธอขอ เธอจะแจ้งตำรวจ ซึ่งเธอเพิ่งจะมารู้ทีหลังว่า สิ่งที่วิคเตอร์กลัวไม่ใช่การถูกจับ แต่คือการไม่ได้ล้างแค้นต่างหาก เริ่มแรก เบียทริช ต้องการแค่ให้วิคเตอร์ฆ่าชายที่ขับรถชนเธอ แค่นั้นพอ ข้อตกลงมีแค่นั้น แต่พอเวลาผ่านไป เธอกลับคิดได้ว่า แท้จริงแล้วสิ่งที่เธอต้องการคืออะไร คือ moment แห่งความสุข moment ที่ทำให้เธอหัวเราะ moment ที่ทำให้เธอลืมเรื่องราวในอดีต ไม่ใช่การแก้แค้น ที่ทำให้เธอมีแต่ความเกลียดชัง
วิคเตอร์ยังคงดำเนินตามแผนการแก้แค้นของเขาต่อไป เขาขอร้องให้เบียทริช ส่งวิดีโอที่จะล่อพวกมาเฟียทั้งหมดไปที่โกดัง และระเบิดโกดังนั่นซะ ถึงแม้ว่าเขาจะต้องตายก็ตาม แต่เบียทริช ไม่ได้ส่งวิดีโอให้ และวิคเตอร์ก็ไม่ได้ฆ่าคนเมาที่ขับรถชนเบียทริชเช่นกัน ทั้งคู่ต่างรู้ดีว่า การล้างแค้นไม่ใช่คำตอบสุดท้าย เพราะต่างคนต่างไม่อยากเห็นอีกฝ่ายหนึ่งจมปลักไปกับความแค้น อาจพูดได้ว่า ความแค้นที่พวกเขามี ถูกทำให้เบาบางลง ด้วยความผูกผัน ห่วงใยกัน และความรัก ดังที่ทั้งคู่ปฎิเสธที่จะทำในสิ่งที่อีกฝ่ายนึงร้องขอ
Victor : "You didn't mail the package."
Beatrice : "You didn't kill him."
Beatrice : "You didn't kill him because you feel something for me."
Beatrice : "You knew how I would feel."
Victor : "You didn't mail the package."
Beatrice : "I tried. And the guy walked away, and I called him back."
Beatrice : "I called him back because I feel something for you."
ฉากจบจะดีกว่านี้ แทนที่พระเอกจะบู้เดี่ยวสู้กับแก็งมาเฟียทั้งแก๊ง น่าจะทำให้ดูซับซ้อน และดูมีกึ๋นสักหน่อย เพราะมันก็ไม่ต่างอะไรกับหนังแอคชั่นทั่วๆไปนัก
ในส่วนของบทพูดนั้น หนังมีบทพูดไม่มาก มีความกระชับ สื่อถึงอารมณ์และความรู้สึกด้วยถ้อยคำสั้นๆตามบทบาทของตัวละคร การแสดงอารมณ์ผ่านทางสีหน้าและดวงตาของตัวละครทำได้ดี ซึ่งบทแบบนี้ คอลิน ฟาร์เรล เขาถนัดอยู่แล้ว
สรุป
หนังไม่ได้บู้ล้างผลาญ และดราม่าจ๋า การแสดงของนักแสดงใช้ได้ พลอตเรื่องโอเค ดูสนุก น่าติดตาม เสียตรงที่ ท้ายเรื่องจบง่ายตรงตัวไปนิดนึง ตัวเอกวิคเตอร์ ดูเก่ง และวางแผนได้เว่อร์เกินจริง จุดเด่นของเรื่องนี้คือการเล่นกับความรู้สึกความแค้น ความเกลียดชังจากตัวละครทั้งสอง ซึ่งมันจะค่อยๆเจือจางลงไป จนเกิดเป็นความรักขึ้นมา แนะนำให้ดูครับ ผมให้ 8/10